สิบล้อเบียดกระบะตกข้างทาง คนขับอ้างถูกปาดหน้า โยนท่อนเหล็กใส่กระจก
gclubthJoz รายงานว่า
นี่เป็นคลิปเหตุการณ์ ที่พลเมืองดี ชาว อ.วังเจ้า จ.ตาก สามารถบันทึกภาพไว้ได้
ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์บนถนนพหลโยธิน สายตัวเมืองตาก ไปยัง อ.วังเจ้า
แต่พบความผิดปกติ เมื่อ มีรถยนต์กระบะ และรถบรรทุกสิบล้อ ขับแข่งปาดหน้ากันไปมา
ก่อนที่รถบรรทุกสิบล้อ จะเร่งเครื่องพุ่งชนรถยนต์กระบะ ลากไปกับถนนประมาณ 700
เมตร และดันตกข้างทาง ก่อนรถบรรทุกหลบหนีไปตามเส้นทางตาก-กำแพงเพชร
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 16
ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ที่เกิดเหตุ รถยนต์กระบะยี่ห้อ
อีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บ 8608 สระบุรี มีชายอายุประมาณ 40 ปีเป็นคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นแต่ผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล
ต่อมา ร.ต.อ.วัชรพงษ์ คงนา รองสารวัตรสอบสวน
สภ.วังเจ้า รับแจ้งเหตุดังกล่าว จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ
สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บ 8608 สระบุรี มีชาย อายุประมาณ 40 ปี เป็นคนขับ
ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่กู้ภัยให้การช่วยเหลือเบื้องต้น
โดยคนเจ็บไม่ประสงค์จะไปโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวมาสอบที่ สภ.วังเจ้า
อีกด้านเจ้าหน้าที่จุดตรวจ
สามารถสกัดรถบรรทุกสิบล้อ หมายเลขทะเบียน 70-1661 สิงห์บุรี เอาไว้ได้ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3
กิโลเมตร โดยมีชายวัย 33 ปี เป็นคนขับ
จึงเชิญตัวไปสอบสวน
จากการสอบถาม คนขับรถบรรทุกสิบล้อ
ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนขับรถบรรทุกผลไม้จากจังหวัดเชียงใหม่
เพื่อจะนำไปส่งตลาดไท เมื่อขับรถมาถึงตัวอำเภอเมืองตาก ติดไฟแดงที่สามแยกแม่สอด
เมื่อไฟเขียว ตนก็ขับรถออกมาตามปกติ
แต่พอออกจากไฟเขียวมาได้สักพักก็มีรถกระบะคู่กรณีขับตามหลังมาทางเลนซ้าย ขับปาดหน้า
ไปมา
ด้วยความโมโหตนจึงหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นมา
แล้วเปิดกระจกข้างรถฝั่งคนขับ ก่อนจะโยนขวดน้ำลงไปใส่รถกระบะของคู่กรณี
ซึ่งบนรถกระบะ มีชายจำนวน 3 คนนั่งอยู่กระบะหลัง
แล้วรถกระบะ ก็เร่งเครื่องแซงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชะลอความเร็ว โยนท่อนเหล็ก
ขึ้นมาโดนบริเวณกระจกหน้ารถ ทำให้กระจกหน้าแตก
ตนจึงตัดสินใจเร่งเครื่องพุ่งเข้าชนรถกระบะของคู่กรณี
จนรถกระบะเสียหลักลื่นไถลไปกับถนนไกลกว่า 700 เมตร ก่อนจะตกลงข้างถนนไป หลังจากเกิดเหตุ คนขับรถสิบล้อ
ก็ได้ขับรถต่อไปโดยอ้างว่าจะไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งอยู่ในตู้จราจรห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง
3 กิโลเมตร
ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ลงไปดูคู่กรณีเนื่องจากคนขับอ้างว่า กลัวคู่กรณี เพราะมากันหลายคน อาจจะมีอาวุธ
ส่วนตนขับรถมาเพียงคนเดียว ไม่มีอาวุธติดตัว
จึงจำเป็นต้องขับรถไปขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่ในตู้สายตรวจ
แต่ยังไปไม่ถึงตู้สายตรวจ ก็ถูกเจ้าหน้าที่บริเวณจุดตรวจสกัด เรียกให้จอดรถ
และเชิญไปโรงพักก่อน
จากการเจรจา ทั้งสองฝ่ายยอมความ
และยอมชดใช้ความเสียหายแก่กัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปรียบเทียบปรับ
ในข้อหาขับรถโดยประมาททั้งสองฝ่าย ก่อนทั้งคู่จะยอมเสียค่าปรับแล้วแยกย้ายกันไป.
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก thairath.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น